วันที่ 28 มิ.ย. 60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้รับแจ้งจากนายวอน ทองลือ อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 53 ม.2 ต.โนนก่อ อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี ว่าพบก้อนหินภูเขา รูปร่างประหลาด คล้ายกับสิงห์โตกำลังนอน อยู่ในลานหินใกล้กับหน้าผา ของวัดภูปอพรหมนิมิตร เขตของป่าชุมชนบ้านแก่งศรีโคตร จึงได้ประสานงานร่วมกับนายเกษมสุข สนกระโทก ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านแหลมทองเดินทางเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริง จากการตรวจสอบพบว่าก้อนหินที่กลายสภาพเป็นรูปประหลาด ซึ่งคล้ายกับตัวสิงห์โตกำลังนอน เป็นรูปทรงที่คล้ายมาก และมีศาลาสร้างทับไว้อยู่หนึ่งหลัง จากสภาพก้อนหินดังกล่าวเป็นหินชนิดเดียวกันกับหินก้อนอื่นๆ โดยรูปร่างของหิน เป็นคล้ายกับรูปสิงห์โตจริงๆ โดยมีทั้งส่วนหัว ลำตัว ขา และหางอย่างสมบูรณ์ ซึ่งก้อนหินมีขนาดความยาวจากส่วนหัว ถึงส่วนหางประมาณ 7 นิ้ว และสูงขึ้นจากพื้น 4 นิ้ว และบริเวณพื้นมีมอสเกาะเต็มไปโดยรอบ
นายวอน ทองลือ เล่าว่าเมื่อในช่วงปี 2520 ตนได้ขึ้นมาหาของป่าที่บริเวณดังกล่าว ซึ่งเคยมีกลุ่มพรรคคอมมิวนิสต์อาศัยอยู่จำนวนมาก ซึ่งตนได้เดินทางมาพักเหนื่อยและได้พบกับก้อนหินดังกล่าว แล้วรู้สึกประหลาดโดยเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ธรรมชาติสร้างขึ้น และมีสิ่งศักดิ์สิทธิคอยปกปักรักษาป่าผืนนี้ ตนจึงได้หักดอกหญ้าและกิ่งไม้ขอขมา โดยได้ขอพรว่าให้สามารถจับสัตว์ป่าได้เพื่อนำไปประกอบอาหารให้กับครอบครัว
จากนั้นก็เดินทางที่จะกลับ แต่ก็มีปรากฎการณ์เกิดขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ เพราะได้เจอกับหมูป่า น้ำหนักกว่า 200 กิโลกรัม และพวกตนก็สามารถจับหมูป่าตัวนั้นได้ และได้นำไปแบ่งชาวบ้านได้รับประทานกันหลายครอบครัว จากนั้นต่อมาเมื่อช่วงปี 2550 พื้นที่ป่าได้มีชาวบ้านขึ้นไปสร้างวัด และปลูกสิ่งก่อสร้าง พระพุทธรูปองค์ใหญ่ไว้จำนวนมาก จนมีคนขึ้นไปกราบไหว้ และได้พัฒนาให้เป็นวัดสำหรับการปฏิบัติธรรม ที่มีความวิเวก และคงรักษาไว้ซึ่งต้นไม้ และความอุดมสมบูรณ์ของป่า ซึ่งกลุ่มคนที่ขึ้นไปพัฒนาวัด และร่วมสร้างวัดก็ได้พบเห็นจึงได้สร้างศาลาหลังเล็กๆเอาไว้ เพื่อครอบหินรูปคล้ายสิงโต เพื่อเป็นที่บังฝน และ ให้ผู้มาปฏิบัติธรรมได้มากราบไหว้ แต่ก็มีประชาชนจำนวนน้อยที่ทราบเรื่อง แต่ยังไม่เป็นที่รู้จักของบุคคลทั่วไปว่ามีสิ่งประหลาดเกิดขึ้นที่น่าอัศจรรย์ นายวอน กล่าวเพิ่มเติมว่า ก้อนหินรูปคล้ายสิงโต ยอมรับว่ามีมือดีนำปูนและเติมในส่วนของหาง และขนที่คอเพิ่มเติมไปจากเติม และได้ขีดลายเส้นให้เหมือนกับขนจริงๆ แต่ในส่วนตัวรูปทรงของก้อนหินดังกล่าวมีความคล้ายสิงโตมากอยู่แล้ว และไม่อยากให้มีการเติมแต่งเพิ่มไปจากเดิม จึงวิงวอน อยากให้หน่วยงานและประชาชนขึ้นมาช่วยกันในการปกปักรักษาสิ่งประหลาดที่ธรรมชาติสร้างขึ้นไว้อย่างนี้ ให้คงให้ลูกหลานรุ่นต่อไปได้ขึ้นมาชม และกราบไว้ต่อไป สำหรับวัดภูปอพรหมนิมิตร เป็นวัดป่าอยู่ในเขตป่าชุมชนของบ้านแก่งศรีโคตร ซึ่งมีการก่อสร้างพระพุทธรูปขนาดใหญ่จำนวน 3 องค์ ซึ่งองค์ที่สูงที่สุด สูงเท่ากับตึก 5 ชั้น ปัจจุบันก็เสื่อมโทรมลง และมีฝึ้งมาทำรังที่บริเวณคาง และแขนพระพุทธรูปถึง 3 รัง ส่วนบริเวณหน้าผา ได้ก่อสร้างรูปปั้นช้างขนาดใหญ่ตั้งสง่าไว้ที่หน้าผา เป็นจุดที่สามารถชมวิวธรรมชาติที่สวยงาม และเป็นสถานที่ร่มรื่น และยังเป็นสภาพป่าที่สมบูรณ์ แต่ก็ยังขาดการบูรณาการของหน่วยงานในพื้นที่อย่างจริงจัง ที่จะต่อยอดให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางศาสนาที่มีค่าของชุมชน
http://www.siamnews.com/view-2266.html
0 Comments